ถ้ากล่าวถึง “ศาลท่านท้าวมหาพรหม โรงแรมเอราวัณ” เชื่อว่าหลายท่านคงรู้จักเป็นอย่างดี ไม่เพียงเทวสถานแห่งนี้จะตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่บริเวณสี่แยกราชประสงค์ ใกล้โรงแรมเอราวัณที่ใหญ่โตโอ่อ่าแล้ว ยังเป็นที่เคารพสักการะทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศที่ลงทุนข้ามแผ่นฟ้ามหาสมุทรมาแสดงความศรัทธาต่อ ท่านท้าวมหาพรหม ณ ที่แห่งนี้ ผู้คนหลั่งไหลเข้ามาสักการะท่านท้าวมหาพรหมนับวันจะมีมากขึ้น ทั้งนี้เป็นเพราะความศรัทธาในบารมี ของท่านที่แผ่เมตตา ปกปักคุ้มครองให้ร่มเย็นเป็นสุข และเป็นที่ยึดเหนี่ยวทางใจของผู้คนทั้งหลาย เมื่อยามที่ได้กราบไหว้บูชาแล้วทำให้รู้สึกสบายใจ ร่มเย็นเป็นสุข
ตามความเชื่อแบบพราหมณ์ “พระพรหม” ถือเป็นหนึ่งในสามของพระเป็นเจ้าที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับมนุษย์ เรียกรวมกันว่า “ตรีมูรติ” ได้แก่ พระอิศวร (ศิวะ) พระพรหม และพระวิษณุ (นารายณ์) ซึ่งถือกันว่าเป็นพระผู้สร้างสรรค์สิ่งทั้งปวง ได้แก่ โลก สวรรค์ และมนุษย์ ในขณะที่พระวิษณุ (นารายณ์) เป็นผู้รักษาดูแลและมีพระอิศวร (ศิวะ) เป็นผู้ทำลาย
พระพรหมที่ประดิษฐานไว้บริเวณ “ศาลท่านท้าวมหาพรหม โรงแรมเอราวัณ” ลักษณะกายสีแดง สี่พักตร์ แปดกร ในแต่ละกรทรงอาวุธที่แตกต่างกันออกไป อาทิ แว่นแก้ว คฑา จักร สายประคำ ธารพระกรไม้เท้า ช้อน หม้อน้ำ คัมภีร์พระเวท ทรงหงส์เป็นพาหนะ และมี “พระสุรัสวดี” หรือ “พระสรัสวดี” เป็นพระมเหสี ที่สถิตของพระพรหมเรียกกันว่า “พรหมพฤนทา” อยู่ในพรหมโลก ว่ากันว่าอยู่เหนือชั้นสวรรค์ขึ้นไปอีก พระพรหมยังถูกแบ่ง ประเภทออกเป็นรูปพรหม และอรูปพรหม พรหมที่เรียกว่า “รูปพรหม” มีถึง ๑๖ ชั้นได้แก่ พรหมปาริชชาภูมิ พรหมปโรหิตาภูมิ มหาพรหมาภูมิ เป็นต้น ซึ่งพรหมทั้ง ๑๖ ชั้นนี้กล่าวกันว่าพระองค์ทรงประทับนิ่งไม่เคลื่อนไหวแต่อย่างใดเรียกว่านั่งเข้า “ฌาน” ส่วนชั้นที่อยู่สูงขึ้นไปอีกเป็นชั้นของ “อรูปพรหม” เป็นพรหมที่ไม่มีรูป มีแต่จิต มีทั้งหมด ๘ ชั้น อาทิ อากาสายัญจายตน วิญญาณัญจายตน อากิญตจัญญายตน และเนวสัญญานายตน พรหมทั้งสี่ชั้นนี้จัดเป็นพลังงานชั้นสูงที่มีความบริสุทธิ์อย่างยิ่ง อำนาจแห่งองค์พรหม จัดเป็นอำนาจที่ยิ่งใหญ่จนหลายคนกล่าวว่าชีวิตนั้นคือ “พรหมลิขิต” ดังนี้เองจึงทำให้คนหลายคนที่เชื่อว่าดวงชะตาความเป็นอยู่ของตัวเรานั้นมีความเกี่ยวเนื่องอยู่กับองคพรหม